เมื่อวันที่ 18 พ.ค.67 ที่สาธารณรัฐอิตาลี ก่อนปฎิบัติภารกิจ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะใส่ชุดผ้าขาวม้า เดินโชว์กลางเมืองมิลาน ซึ่งเป็นเหมือนแห่งแฟชั่น เพื่อให้ เจ้าของแบรนด์และ ชาวอิตาลีรวมทั้งนักท่องเที่ยว ได้เห็นถึงความสวยงามของผ้าขาวม้า และผ้าไทย ที่สามารถตัดเย็บออกเป็นเสื้อผ้าได้สวยงาม ไม่แพ้แบรนด์ชั้นนำของโลก ซึ่งสามารถใส่ได้ทุกโอกาส และต่อยอดได้อีกหลากหลายผลิตภัณฑ์ เช่นกระเป๋าเข็มขัดเนคไท โบว์ผูกผม เป็นต้น
จากนั้น ออกเดินทางจากโรงแรมที่พักไปยังโรงงานผลิตชีส ของบริษัท BONI S.p.A เมืองปาร์มา เพื่อหาโอกาสความร่วมมือระหว่างไทยอิตาลี โดยอิตาลีเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและแปรรูปอาหารรายใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรป
ก่อนที่นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะกลุ่มเล็ก อาทิ นายมาริษ เสงี่ยงพงษ์ รมว.ต่างประเทศ เดินทางเยี่ยมชมกระบวนการผลิตชีสของบริษัท BONI S.p.A ที่เมืองปาร์มา ก่อนที่เวลา 11.45 นคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. นายกรัฐมนตรี พร้อมรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการต่างประเทศและ นางสาวจิราพร สินธุไพรรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมายังโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ของบริษัทItalia Alimentariที่เมืองปาร์มาเพื่อเยี่ยมชมกระบวนการแปรรูปเนื้อสัตว์ ทั้งนี้หลังเสร็จสิ้นภารกิจนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้เดินทางกลับ มายังเมืองมิลาน
ภายหลังนายกรัฐมนตรี เผยถึงการเยือนต่างประเทศหรือไปประชุมครั้งถัดไป จะนำผ้าขาวม้าไปโปรโมทในลักษณะนี้อีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่ต้องขออุบไว้ก่อน เพราะแต่ละพื้นที่มีลักษณะแตกต่างกันไป เช่นการเยือนฝรั่งเศสสามารถใส่เป็นผ้าพันคอได้เพราะอยู่ในช่วงปลายฤดูหนาว ส่วนช่วงนี้เป็นต้นฤดูใบไม้ผลิ อุณหภูมิพอเหมาะสามารถตัดเป็นเสื้อได้ ก็ต้องติดตามต่อไป แต่สิ่งเหล่านี้อยู่ในแผนและอยู่ในใจที่อยากจะสนับสนุนให้สินค้าพื้นเมืองดีขึ้นคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
เมื่อถามว่ามีแผนนำผ้าไทยมาทำเป็นแบรนด์ให้มีเอกลักษณ์ ของประเทศไทย เพื่อขายในระดับโลกอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าก็พยายามอยู่ แต่เรื่องพวกนี้เราเร่งไม่ได้ อยู่ดีๆของไม่เคยถูกนำมาฉายในเวทีโลกแต่เพิ่งทำออกมาในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จะมีความคาดหวังให้ไปได้เร็วไม่ได้ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป จะยั่งยืนกว่า ต้องมีการพัฒนาเรื่องคุณภาพ หากพัฒนาเร็ว สั่งซื้อมาเยอะไม่มีของก็จะทำให้เลิกเป็นที่นิยมไปอีก ขอให้ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปดีกว่า